- ชื่ออังกฤษ : Double Luck
- ประเภท : Action / Romance / ขาว-ดำ
- ผู้กำกับ : ขุนอนุรักษ์รัถการ (เปล่ง สุขวิริยะ)
- บทประพันธ์ : หลวงบุณยมานพพานิช (อรุณ บุณยมานพ)
- บทภาพยนตร์ : หลวงบุณยมานพพานิช (อรุณ บุณยมานพ)
- ผู้ถ่ายภาพ : หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต)
- ผู้ลำดับภาพ : กระเษียร วสุวัต
- ผู้กำกับศิลป์ : มานิต วสุวัต
- อำนวยการสร้าง : มานิต วสุวัต
- บริษัทผู้สร้าง : กรุงเทพ ภาพยนตร์ บริษัท (Bangkok Pictures Company)
- วันที่เข้าฉาย : 30 กรกฎาคม 2470 ฉายที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร
- ระบบถ่ายทำ : ภาพยนตร์เงียบ ขาว-ดำ ฟิล์ม 35 มม.
เรื่องย่อ
นายกมล มาโนช เป็นนายอำเภอหัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้รับมอบหมายให้ลงมาสืบจับผู้ร้ายคนหนึ่งซึ่งซ้อนตัวอยู่ในกรุงเทพ นายกมลเข้ามาพักอยู่ที่บ้านพระยาพิชัย และมีหลานชื่อว่านางสาววลี ลาวัณยลักษณ์ ซึ่งทั้งสองได้พบรักกันโดยเร็ว แต่นายวิง ธงสี ซึ่งหมายปองนางสาววลีอยู่แล้วและชอบไปมาหาสู่พระยาพิชัยเป็นเนืองๆ และนายวิงคนนี้ก็คือคนร้ายที่นายกมลกำลังสืบจับอยู่นั่นเอง นายวิงไหวตัวทันเรื่องนายกมลตามคนร้าย จากนั้นนางวิงก็วางแผนร้ายโดยส่งพรรคพวกลูกสมุนเข้ามาทำร้ายนายกมล แต่นายกมลมีความชำนาญในการระวังภัยจากโจร จึงต่อกรขัดขวางกำลังได้ จนนายวิงและพรรคพวกต้องหลบหนีไป นายกมลไล่ตามจับแต่เกิดหลงทาง
นายวิงได้วกกลับมาที่บ้านพระยาพิชัยและจับนางสาววลีไป แต่นายกมลมีเชาวน์ที่ดี เข้าใจว่าเป็นแผนลวง จึงวกกลับบ้านพระยาพิชัย และได้พบนายวิง นายกมลจึงตามล่านายวิงไปจนสุดทางและเกิดการต่อสู้ขึ้น จนกระทั่งตำรวจที่พระยาพิชัยโทรไปแจ้งมาสมทบร่วมจับนายวิงและสมุนได้ทันเวลา นายวิงจึงถูกตำรวจจับเข้าตะราง ส่วนนายกมลมีโชคสองชั้น นอกจากจะจับผู้ร้ายได้แล้วยังได้นางสาววลีมาเป็นภรรยาอีกด้วย
นักแสดง
นักแสดง | รับบทเป็น |
---|---|
ม.ล. สุดจิตร์ อิศรางกูร | วลี ลาวัณยลักษณ์ |
มานพ ประภารักษ์ | กมล มาโนช |
ละเมียด สังขพัฒน์ | สุณี ประณีต |
สำราญ วานิช | ประยงค์ ไชยมิต |
อุทัย อินทรวงศ์ | พระยาพิชัยสิทธิเดช |
มงคล สุมนนัฎ | วิง ธงสี |
อาเธอร์ ม่วงดี | คำ สายัณห์ |
Image Gallery & วีดีโอ
เกร็ด
- โชคสองชั้น เป็นภาพยนตร์เงียบที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2470 เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่สร้างโดยคนไทยทั้งหมด ถ่ายทำด้วยฟิล์มขาว-ดำขนาด 35 มม. สร้างโดยกรุงเทพภาพยนตร์บริษัท ซึ่งต่อมาคือบริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง แห่งพี่น้องตระกูลวสุวัต ผู้บุกเบิกกิจการสร้างภาพยนตร์ไทย
- ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวจำนวน 6 ม้วน ถ่ายทำด้วยฟิล์มขาว-ดำขนาด 35 มม. ผลิตโดย กรุงเทพ ภาพยนตร์ บริษัท (ต่อมาคือบริษัทภาพยนตร์ศรีกรุง) ของ มานิต วสุวัต ร่วมกับคณะนักหนังสือพิมพ์สยามราษฎร์และศรีกรุง แต่งเนื้อเรื่อง-เขียนบทโดย หลวงบุณยมานพพาณิช (เจ้าของนาม "แสงทอง") และกำกับการแสดงโดย ขุนอนุรักษ์รัถการ (เปล่ง สุขวิริยะ) โดยมี มานิต วสุวัต เป็นผู้อำนวยการสร้าง-กำกับศิลป์
- ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่สร้างและผลิตโดยคนไทยทั้งหมด ในช่วงที่นายมานิต วสุวัติ เจ้าของหนังสือพิมพ์ศรีกรุง และเป็นเพื่อนสนิทแสงทองด้วย ออกหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า Liberty แสงทองได้รับคำชวนให้ร่วมงานเขียนในค่ายหนังสือพิมพ์ศรีกรุง ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2469 หลวงสุนทรอัศวราช ข้าราชการถูกดุลย์กับคณะ กำลังก่อตั้งบริษัทถ่ายภาพยนตร์ไทยและประกาศสร้างหนังไทยเรื่องแรก แต่ประสบปัญหาระหว่างการดำเนินการ หลวงกลการเจนจิต หัวหน้ากองภาพยนตร์เผยแพร่ข่าว กรมรถไฟที่หลวงสุนทรอัศวราชติดต่อวางตัวเพื่อจ้างให้เป็นทีมช่างถ่ายภาพยนตร์ที่รอความคืบหน้า หมดความอดทน จึงปรึกษากับคณะพี่น้องวสุวัตที่ประสงค์จะสร้างภาพยนตร์ไทย จึงรวมคนและเตรียมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
- ก่อนการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ พี่น้องวสุวัติเข้าปรึกษากับนายเซียวซองอ๊วน สีบุญเรือง ผู้จัดการใหญ่โรงภาพยนตร์ เพื่อตกลงความร่วมมือในการก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์ขึ้นมา ชื่อ บริษัท กรุงเทพฯ ภาพยนตร์ มีทีมงานอย่าง หลวงกลการเจนจิต และนายกระเศียร วสุวัต แห่งกรมรถไฟหลวง รวมทั้งขุนอนุรักษ์รัถการ (เปล่ง สุขวิริยะ) ข้าราชการกรมรถไฟหลวง ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นเลขานุการของกรมหลวงกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ผู้คอยตามเสด็จไปดูงานในต่างประเทศ รวมถึงการดูงานกิจการโรงถ่ายภาพยนตร์ในฮอลลีวูดมาแล้วด้วย ซึ่งมารับเป็นผู้กำกับการแสดง และได้แสงทอง หรือ หลวงบุณยมานพพานิช เป็นเจ้าของงานประพันธ์
- ผู้แสดงเป็นพระเอกคือ มานพ ประภารักษ์ ซึ่งคัดมาจากผู้สมัครทางหน้าหนังสือพิมพ์ ม.ล. สุดจิตร์ อิศรางกูร นางเอกละครร้องและละครรำมีชื่ออยู่ในขณะนั้น หลวงภรตกรรมโกศล ตัวโกงจากเรื่อง นางสาวสุวรรณ (2466) แสดงเป็นผู้ร้าย
- ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายครั้งแรกเมื่อ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร มีจำนวนผู้ชมสูงสุด 4 คืน กับ 1 วัน เท่ากับ 12,130 คน ทำลายสถิติเมื่อสี่ปีก่อนหน้าของภาพยนตร์เรื่อง นางสาวสุวรรณ (2466)
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีมหาชนไปดูกันมากที่สุด ได้การยอมรับให้เป็นภาพยนตร์ประเภทเรื่องแสดงเพื่อการค้าเรื่องแรกที่สร้างโดยคนไทย อีกเดือนเศษต่อมาบริษัทถ่ายภาพยนตร์ไทย จึงสร้างภาพยนตร์ของตนเรื่อง ไม่คิดเลย (2470) สำเร็จออกฉายในเดือนกันยายนปีนั้น
- ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความเสียหายจากความเสื่อมสภาพ โดยหอสมุดแห่งชาติได้ค้นพบฟิล์มเนกาติฟของภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อปี พ.ศ. 2538 และพิมพ์สำเนาใหม่เอาไว้ได้เพียง 42 ฟุต คิดเป็นภาพนิ่งทั้งหมด 1,319 ภาพ รวมความยาวประมาณ 1 นาที (จากเดิม 90 นาที)
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2555 เนื่องในวันอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทยของหอภาพยนตร์ ขณะมีอายุเก่าแก่ที่สุด 85 ปี ในบรรดา 25 เรื่อง
อนุสรณ์
- โครงการของหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)
- มรดกภาพยนตร์ของชาติ ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2555)